ค่ายเยาวชน ปี 2567

 

ค่ายเยาวชน ปี 2567






อัษฎากรณ์ ขันตี


aussadakornkhantee@gmail.com


    หากจะพูดถึง “ค่ายเยาวชน” นั้น เชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนได้ผ่านมาร่วมกับกิจกรรมนี้มาแล้ว แต่ว่าบริบทและกิจกรรมก็แตกต่างกันออกไป ตามสาขาหรือจุดประสงค์ที่ได้จัดค่าย อาทิ ค่ายลูกเสือ ค่ายวิชาการ ค่ายนันทนาการ เป็นต้น ในสมัยที่ยังเรียนในโรงเรียนแทบทุกคนก็มีประสบการณ์ในการจัดค่ายเยาวชน หรือไม่ก็เป็นผู้เข้าร่วม ซึ่งก็แตกต่างกันไปของแต่ละคน แต่ละบทบาท


    สำหรับบุคคลออทิสติกและผู้ปกครองนั้น ด้วยความที่บุคคลออทิสติกมีข้อจำกัดบางอย่างหรือไม่ก็หลายอย่างในการทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนคนอื่น ๆ ทำให้ไม่มีโอกาสได้ไปเข้าค่าย หรือไม่ก็นั่งอยู่เฉย ๆ ไม่ได้มีส่วนร่วมกับเพื่อน ๆ มากนัก ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทางมูลนิธิออทิสติกไทยจึงจัด "ค่ายเยาวชนออทิสติกไทย" เข้าค่ายเยาวชนครั้งนี้จึงเป็นโอกาสที่ทำให้ทุกคนได้กลับไปค่ายอีกครั้ง แล้วทำไมถึงต้องมีค่ายนี้ล่ะ เพราะการเข้าค่ายได้ฝึกฝนหลาย ๆ อย่าง อาทิ เป็นการฝึกการทำกิจกรรม การทำงานเป็นทีม การอยู่ร่วมกันในสังคม การมีเพื่อน การดำรงชีวิต และการเข้าค่ายยังมีโอกาสในการแสดงออกต่าง ๆ ทั้งการร้องเพลง การแสดง การเต้นรำ เป็นต้น ที่สำคัญ บุคคลออทิสติกได้ฝึกทักษะการพูด ทักษะการดำรงชีวิต ทักษะสังคม และทักษะการอยู่ร่วมกับผู้อื่น 






















ทีนี้จะขอเล่าว่า ทั้ง 3 วันผมได้ทำกิจกรรมอะไรบ้างครับ

         

          วันที่ 1 ช่วงเช้าผมก็เดินทางมากับรถบัส ซึ่งจะมีเพื่อน ๆ จากกทม. และมูลนิธิออทิสติกไทยร่วมด้วย 2 คัน ล้อหมุน 6 โมงกว่า ๆ ก็มาถึงประมาณ แปดโมงกว่า ๆ  จากนั้น อ.ชูศักดิ์ จันทยานนท์ และ อ.ปราโมทย์ ธรรมสโรช ได้พูดถึงประเด็นเกี่ยวกับบุคคลออทิสติก ทั้งการเพิ่มสมาชิกในชมรม เพิ่มบุคคลออทิสติกในการทำบัตรผู้พิการ เพิ่มบุคคลออทิสติกสู่การทำงาน และการมีส่วนร่วมกับสังคม และ อ.ชูศักดิ์ก็ได้เปิดงานค่ายเยาวชน จากนั้น ได้เจอวิทยากรในการทำกิจกรรม นั่นคือ อ.เอี่ยว ฉัตรพัฒน์ โตนิรันต์กฤติยา จากเกรท เอ็ดดู-เทนเม้นท์ กิจกรรมในวันแรกผมได้รับผ้าพันคอ และป้ายชื่อว่าชื่ออะไร มาจากไหน ซึ่งจะมีผ้าพันคอทั้งหมด 10 สี ผมได้สีเขียวอ่อนครับ กิจกรรมช่วงเช้าผมได้ทำหน้ากากแฟนซี ซึ่งผมได้ทำเป็นรูปอินทรีแดง นั่นเอง

          ตกบ่ายก็มีกิจกรรมอย่างคับคั่ง ทั้งออกมาเต้น ออกมาโยก ทำมือ สนุกสนาน บ่ายนี้มีกิจกรรมมัน ๆ ทั้งสร้างหอคอยจากหลอด ซึ่งเชื่อว่าไม่ว่าจะค่ายไหน ๆ ก็เจอใช่ไหมครับ ปัญหาเกมนี้คือจะทำอย่างไร ให้หอคอยสูง ๆ โดยที่ไม่ล้มนั่นเอง และกิจกรรมวันนี้ที่สนุกไม่แพ้กัน คือ หยิบลูกโป่ง ส่งต่อจากเพื่อนสู่เพื่อน ๆ กิจกรรมนี้สนุกมาก ๆ เปิดเพลงมัน ๆ แล้วก็เอาลูกโป่งให้หัวแถว หัวแถวจะทำอย่างไรก็ได้ ให้ลูกโป่งแตก ซึ่งก็สร้างความตื่นเต้นได้ดีทีเดียว กิจกรรมก็ยังมีที่น่าตื่นเต้น เช่น โยนห่วงลงเสาไม้เล็ก ๆ ส่งต่อทิชชู่ เป็นต้น

 



    วันที่ 2 ตอนเช้านันทนาการก็จัดเต็ม แต่ไฮไลท์อยู่ที่ การสร้างสะพานด้วยตะเกียบ ข้อจำกัดของเรื่องนี้ นอกจากจะเป็นเรื่องเวลาแล้ว ก็ยังเป็นเรื่องของอุปกรณ์ ซึ่งให้มาก็มีจำกัด ไม่สามารถไปขอเพิ่มได้ เขามีให้แค่ไม้บรรทัด กรรไกร ตะเกียบ เชือก แล้วจะทำอย่างไรล่ะ ให้สะพานมั่นคงขึ้น กิจกรรมนี้สร้างความสามัคคีบวกกับความตื่นเต้นไม่น้อย แล้วที่ว่าตื่นเต้น คืออะไร คือตอนที่ว่าสะพานนี้แข็งแรงไหม โดยทดสอบจากดินน้ำมัน และสิ่งของที่มี เช่น โทรศัพท์มือถือ

    ตกบ่ายกิจกรรมก็จัดหนักจัดเต็ม มีทั้งคิดชื่อกลุ่ม คำขวัญประจำกลุ่ม เพลงประจำกลุ่ม ผมอยู่สีเขียวอ่อน มีคำขวัญว่า “สีเขียวสดใส สุขใจเมล่อน” เพลงประกอบมีชื่อว่า “เมล่อนลูกใหญ่ ๆ แช่เอาไว้อยู่ในตู้เย็น สีอื่นก็ผ่านมาเห็น สีอื่นก็ผ่านมาเห็น แอบเปิดตู้เย็นกินเมล่อนเลย” การซ้อมและการให้ความร่วมมือเป็นไปอย่างคึกคักเลยทีเดียว นอกจากนี้ บ่ายนี้มีกิจกรรมทั้งหมด 5 ฐาน สนุกสนานกันไป (ชื่อเกมเป็นชื่อที่ผู้เขียนเข้าใจ ถ้าถูกหรือผิดก็ขออภัยด้วยนะครับ)

         ฐานที่ 1 คีบลูกบอล เกมนี้จะมีความยากอยู่ที่มีผู้เล่น 2 คนในทีม แล้วแต่ละคนถือตะเกียบแค่ 1 ข้าง แต่สามารถจับตะเกียบของผู้เล่นร่วมได้ แต่ไม่สามารถจับบอลได้ ปัญหาคือทำอย่างไรให้สามารถคีบลูกบอลลงตะกร้าได้โดยที่ไม่ลงพื้น

        ฐานที่ 2 จับเชือกและเอาของในเชือกลงให้ตรงกับรูปภาพ เกมนี้ต้องเล่นเป็นทีม และจับเชือกคนละข้าง ถ้าจับเชือกทุกคนก็เป็นการรัดของนั้น แล้วปล่อยของจากเชือกให้ตรงกับรูปภาพ แต่สิ่งที่น่าตื่นเต้นคือ อย่านำของลงที่ช่องสี่เหลี่ยมที่มีระเบิดอยู่ ถ้าลงตรงนั้นถือว่าจมเกมทันที และต้องใช้ความสามัคคีอย่างมากในการลำเลียงเชือกให้ของที่อยู่ในเชือกสามารถลงไปตามจุดที่ตรงกับรูปของนั้น ๆ ได้   

        ฐานที่ 3 เดินตามช่อง กิจกรรมนี้เหมือนกับทอยลูกเต๋า แต่ต่างกันที่ไม่มีทอยลูกเต๋า และให้เดินตามช่องเท่านั้น ถ้าเหยียบระบิดถือว่าจบเกม แต่ถ้าไม่เหยียบระเบิด ก็สามารถเดินเรื่อย ๆ ได้จนถึงเล้นชัย ความตื่นเต้นของเกมนี้คือไม่ทราบว่าเหยียบลงช่องแล้วจะมีระเบิดในช่องนั้นไหม การฟังอย่างตั้งใจจึงจำเป็นมาก

        ฐานที่ 4 ต่อหอคอยโดยใช้แก้ว เกมนี้ถือว่าง่าย ๆ ว่าจะทำอย่างไรให้ต่อหอคอยโดยใช้แก้ว แล้วต่อหอคอยเหมือนกับหอคอยที่พี่ได้ทำไว้ อันนี้ต้องอาศัยการสังเกต อาศัยความจำค่อนข้างเยอะ

        ฐานที่ 5 วาดภาพเหมือนตามแต่ละคน เกมนี้วาดภาพเก่งและวาดภาพเป็นไม่พอ แต่คนข้างหน้าต้องเป็นคนที่ดูภาพ และวาดภาพให้เหมือนที่สุด คนต่อไปไม่สามารถดูรูปภาพได้ ต้องอาศัยคนที่วาดคนก่อน ๆ เอาตัวอย่างให้กับคนต่อ ๆ ไป   

          จากนั้นผมได้เขียนว่าทำกิจกรรมแล้วได้อะไรมาบ้าง ตกเย็นหลังกินข้าวมีกิจกรรมการแสดง ร้องรำทำเพลง ซึ่งก่อนจะมีกิจกรรมนั้น มีเกมให้เล่น 3 อย่างเพื่อแลกขนม คือพับจรวดจากกระดาษ เตะลูกบอล และกลิ้งม้วนเทปตรงกับจังหวัด ต่อมา กิจกรรมร้องรำทำเพลง ซึ่งแต่ละจังหวัดจัดเต็มทั้งนั้นเลยครับ น้อง ๆ ออทิสติกสามารถทั้งร้องเพลง เต้นกับเพื่อน ๆ ผู้ปกครองก็มีส่วนร่วมไม่แพ้กัน กิจกรรมวันที่ 2 จึงจบเวลา 3 ทุ่ม   





วันที่ 3 ตอนเช้าก็มีกิจกรรม 2 อย่าง

1)     ถ่ายภาพตามสถานที่และท่าต่าง ๆ กิจกรรมนี้ต้องอาศัยความร่วมมือ และการมีส่วนร่วมอย่างยิ่ง ทั้งการทำท่าหลายเหลี่ยม การถ่ายทั้งสระน้ำ บึง ป้ายโรงแรม หรือหน้าโรงแรม ผู้ปกครองต้องดูแลให้ดีเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ หรือตกน้ำ และต้องคิดอีกอย่างว่าจะทำอย่างไรให้ถ่ายภาพแล้วสวยงาม

2)     การทำลูกโป่งแฟนซี กิจกรรมนี้นอกจากต้องอาศัยแรงในการเป่าลูกโป่งแล้ว ความคิดสร้างสรรค์และความร่วมมือถือว่าสำคัญไม่แพ้กัน นอกจากเป่าลูกโป่งแล้ว สิ่งที่คิดต่อคือจะทำอย่างไร ให้ออกมาสวยงาม และโดดเด่นมากขึ้น

          ตอนบ่ายหลังทานข้าวแล้ว ก็ได้เขียนเกี่ยวกับว่า กิจกรรมนี้ได้อะไรบ้าง และสุดท้าย ก็ได้เขียนว่า ทั้ง 3 วันเราได้อะไรบ้างจากการไปค่าย แล้วมีวีดีทัศน์เล่าเรื่องความประทับใจในกิจกรรม จากนั้นทั้งพี่ยา แม่หมี พ่อศุภชัย ด.ต.ณัฐนนท์ ก็ได้กล่าเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับการทำกิจกรรม แล้วป้าวาสนากับแม่ก้องก็กล่าวปิดกอจกรรม กิจกรรมในวันนี้ก็ได้เสร็จสิ้นลงด้วยดี

          ผมได้ออกจากชลพฤกษ์ รีสอร์ทเวลา 14.40 น. ระหว่างทางที่กลับ บางคนก็นั่งคุยกันชิล ๆ บางคนก็ฟังเพลง บางคนก็นั่งหลับ บางคนก็ดูโทรศัพท์ คุยแชทกันยาว ๆ จ้า ผมถึงที่หอประมาณ 17.30 น. ครับ แล้วก็สลบตามเคยจ้า ..





ได้อะไรมาบ้างจากกิจกรรมนี้

1.ได้ความสามัคคี  ผมได้รู้จักความสามัคคีผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น การสร้างสะพานจากหลอดตะเกียบ ซึ่งต้องระดมความคิดโดยที่มีโจทย์ปัญหา ว่าจะทำอย่างไรให้สะพานแข็งแรงที่สุด โดยที่ขั้นตอนทุกคนต่างต้องระดมสมอง ว่าจะจัดอย่างไร จะใช้อะไรยึด จะสร้างอย่างไรให้มั่นคง อีกกิจกรรมหนึ่งคือการทำลูกโป่งแฟนซี ซึ่งต้องระดมความคิดว่า จะจัดลูกโป่งให้มันหลากหลายได้อย่างไร จะออกแบบจัดทรงให้ลูกโป่งสวยงามได้อย่างไร

 2.ได้เจอผู้คนที่หลากหลาย ผมได้รู้จักผ่านกิจกรรมแล้ว เวลาทำกิจกรรมต่าง ๆ บางครั้งยังมีโอกาสให้คุย และในช่วงเบรกกับพักนั้น ได้มีโอกาสในการคุย ไม่ว่าจะเป็นเด็กที่มาจากต่างจังหวัด ผู้ปกครองทั้งที่คุ้นเคย และไม่คุ้นเคย การเจอผู้คนทำให้ได้ฝึกการพูด ฝึกทักษะทางสังคม ฝึกการทำงานร่วมกับผู้อื่น

3.ได้รู้จักการรอคอย การที่ได้ออกมาทำกิจกรรมนั้น สิ่งที่หนีไม่พ้นคือการเบรก และพักรับประทานอาหาร แน่นอนว่าเราต้องต่อคิว เพื่อให้ได้กินข้าว หรือกินเบรกนั่นเอง เข้าใจว่าทุกคนหิว แต่ทุกคนต้องมีความรู้จักในเรื่องของ “การรอคอย”

4.ฝึกการมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม กิจกรรมในครั้งนี้ กลุ่มบุคคลออทิสติกถือว่าเป็นหลักในการทำกิจกรรม โดยที่ผู้ปกครองคอยอยู่ข้างหลัง ให้คำปรึกษา และดูแลอยู่ห่าง ๆ อย่างเช่น การทำลูกโป่งแฟนซีซึ่งเด็ก ๆ จะเป็นคนที่เป่า จากนั้นผู้ใหญ่จะช่วยในสิ่งที่เด็กทำไม่ได้ นั่นคือการมัด แล้วการจัดนั้นทั้งตัวเด็กและผู้ปกครองระดมความคิดเห็นอย่างเต็มที่ ว่าจะทำอย่างไรให้ลูกดป่งนั้นมีความสวยงาม นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมเตะลูกบอล - ทำจรวดจากกระดาษ และกลิ้งลูกบอลให้ตรงตามภาพ ซึ่งทั้งสามกิจกรรมนี้เด็ก ๆ ถือเป็นหลักในการทำกิจกรรม โดยมีผู้ใหญ่อยู่ข้างหลัง นอกจากนี้ยังมีการแสดง แน่นอนว่าเด็กถือเป็นหลักในการทำกิจกรรมเช่นกัน

5.ฝึกการแสดงออก แน่นอนว่ากิจกรรมในครั้งนี้เด็กจะมีส่วนร่วมเป็นสำคัญ ในแต่ละกิจกรรมจะเห็นเด็ก ๆ ได้แสดงออกอย่างเต็มที่ ทั้งการร้องรำทำเพลง ทั้งการนำเสนองาน ทั้งการพูดคุยกับผู้ใหญ่

6.ได้เห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นผ่านการมีส่วนร่วมทางกิจกรรม เช่น การทำกิจกรรมกลุ่ม ซึ่งครั้งก่อน ๆ ผู้ใหญ่จะเป็นคนทำ เด็กจะนั่งเฉย ๆ แต่คราวนี้เด็กถือเป็นหลักในการทำกิจกรรม โดยที่ผู้ใหญ่จะคอยช่วยเหลืออยู่ข้างหลัง หรือไม่ก็ช่วยเหลือเมื่อเกิดสถานการณ์คับขัน

7.ได้เกิดประโยชน์สำคัญ ว่า “บุคคลออทิสติก คือพระเอกและนางเอกในใจของทุกคน มิใช่แค่พ่อแม่ หรือคนในครอบครัวเท่านั้น” คือหมายความว่า บุคคลออทิสติกนั้น สามารถพัฒนาได้ สามารถอยู่ในสังคมได้ สามารถทำกิจกรรมได้ เป็นที่รักของเพื่อน ๆ มิใช่แค่ในครอบครัว บุคคลออทิสติกจึงเปรียบเสมือน “พระเอก” และ “นางเอก” ในใจของคนในสังคมครับ  




ในหนังสือ Designing Your Life กล่าวไว้ว่า

 

"อัจฉริยภาพที่แท้จริงอยู่ในกระบวนการทำงานร่วมกัน เราออกแบบชีวิตโดยร่วมมือและสานสัมพันธ์กับผู้อื่น เพราะคำว่า "เรา" แข็งแกร่งกว่า "ฉัน" เสมอ เรื่องง่าย ๆ ก็แค่นี้เอง"

 

การทำงานเป็นทีมอย่างน้อยก็ได้เพื่อน ได้พูดคุย ได้ปรับสารทุกข์สุขดิบ นี่คือประโยชน์ของคำว่า "ทีมเวิร์ค" ที่แท้จริงครับ เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับการไปเข้าค่ายในครั้งนี้ สนุกใช่ไหมครับ สนุกแล้วยังได้สิ่งต่าง ๆ มากมาย อาทิ การมีส่วนร่วม การทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น การฝึกทักษะทางสังคม เป็นต้น ผู้ปกครองและบุคคลที่เกี่ยวข้องทุกคนครับ อย่าให้บุคคลออทิสติกอยู่แต่ในห้อง ควรหากิจกรรมให้ทำ และให้พวกเขาออกไปสู่โลกกว้างบ้าง อย่างน้อย เด็ก ๆ ก็จะเข้าใจถึงทักษะสังคม ทักษะการพูด ทักษะการดำรงชีวิต ขอฝากทุก ๆ คนมาในโอกาสนี้ ผมเชื่อว่า บุคคลออทิสติก สามารถพัฒนาได้ สามารถทำงานได้ และสามารถอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข ขอแค่รัก เข้าใจ ให้โอกาส ทุกอย่างจะเป็นไปได้เสมอ สำหรับวันนี้ ผมต้องขอลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ สวัสดีครับ

(ขอบคุณรูปภาพจากเฟซบุ๊ก Autistic Thai Foundation มูลนิธิออทิสติกไทย ณ โอกาสนี้ หากข้อความไหนผิดพลาดตรงไหนก็ขออภัยเป็นอย่างยิ่งนะครับ)


อัษฎากรณ์ ขันตี

6 มิถุนายน 2567




ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ถึงเวลารึยังที่จะมีวิชา การอยู่ร่วมกันในสังคมที่หลากหลาย อยู่ในหลักสูตรขั้นพื้นฐานของทุกระดับชั้นและการทำงาน

รีวิวการใช้งาน เว็บไซต์คัดกรองบุคคลออทิสติก