เรื่องเล่า และความในใจวันรับปริญญาของผม (ตอนที่ 5)

 


            ในตอนที่แล้ว ผมก็ได้กล่าวขอบคุณบุคคลที่เกี่ยวข้อง  ทีนี้ในตอนที่ 5 จะเป็นการเล่าเรื่องราวของผม ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะประจานตัวเอง แต่อยากให้เพื่อน ๆ ได้เรียนรู้และเข้าใจมุมมองต่าง ๆ มากขึ้น เพื่อที่จะให้อยู่ร่วมกันได้โดยที่ผมก็ต้องเรียนรู้ ปรับตัว และเข้าใจบริบทของคนอื่นด้วยเช่นกัน เอาง่าย ๆ คือเรียนรู้ไปด้วยกันนั่นเองครับ


เรื่องราวของเรา..ที่อยากให้รู้


            เรื่องที่ผมจะเล่าคือเรื่องราวของผม ผมต้องยอมรับตรง ๆ ว่าผมอยากมีโอกาสพูดคุย ได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี ผมคาดหวังว่าผมอยากให้เข้าไปอยู่ในสังคมได้ อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข มีอะไรก็สามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ (ไม่เอาเรื่องเงินนะครับ) มีอะไรก็คุยกันได้ แต่ผมจะไม่เข้าไปแทรกแซงใด ๆ ทั้งสิ้น บางคนถามว่า "ทำไมถึงอยากให้คนมาสนใจผม" จริง ๆ แล้ว ผมเชื่อว่าทุกคนก็คงไม่ต่างกับผมเท่าไรหรอกนะครับ แต่อยากให้ผมได้มีพื้นที่ในสังคม อยู่ร่วมกันในสังคมได้ และอยากให้การเข้าสังคมของผมเป็น Case Study ให้กับหลาย ๆ คนต่อไปในอนาคต 

            ในเรื่องของความถนัด ผมจะถนัดสวนกระแสนิดนึงนะครับ ผมจะชอบเพลงยุค 80-90 เรื่องออทิสติก คนพิการ ความสามารถของผมคือเรื่องไอที-กราฟิก-เขียนโค้ด-เขียนหนังสือ-เขียนบทความ งานอดิเรกคือเขียนไดอารี่/ฟังเพลง/ร้องเพลง/ดูหนัง/อ่านหนังสือ หากใครชอบคุยเรื่องของออทิสติก/เพลงเก่า ๆ ไม่ควรพลาด แต่ถ้าใครไม่ชอบล่ะ ก็มาคุยและแลกเปลี่ยนได้ครับผม ผมถ้ามีอะไรก็จะเล่าให้ฟังอยู่เสมอ หากใครไม่พอใจหรือรำคาญก็ขอโทษด้วยนะครับ


วันไหนที่ผมไม่ได้เล่าเรื่อง เหมือนกับกินข้าวแต่ไม่มีแกง


            เรื่องของไลฟ์สไตล์ ผมจะไม่ค่อยออกไปไหน แต่ถ้านัดเจอก็บอกได้นะครับ ผมยินดีที่จะเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ฟัง ถ้าว่างก็แวะมานะครับ ปกติผมเป็นคนนิ่งเงียบ พูดน้อย แต่คุยดี มีอะไรก็จะมาเล่าเสมอ ผมอาจจะพูดซ้ำๆ กุกๆ กักๆ นิดนึงนะครับ เป็นกันเอง จริงใจ ใส่ใจ ข้อเสียคือขี้น้อยใจ เวิ้นเว้อ ทำตัวเหมือนเด็ก สิ่งที่ผมอยากจะบอกคือขอโอกาสให้ผมได้พูดคุยบ้าง ทักทายบ้าง เจอกันบ้าง ผมเป็นคนที่ไม่ประจบ หากใครชอบคนที่ประจบเก่งขอให้ทำใจนิดนึงนะครับ แต่จะตั้งใจเป็นเพื่อนเป็นมิตรให้ดีที่สุด ทุกคนครับ ผมอยากให้อยู่ร่วมกันแบบเข้าใจกัน เรียนรู้ไปด้วยกันได้  อยากให้ผมมีส่วนร่วม มีบทบาท ผมอยากให้เพื่อน ๆ ทุกคนอยู่เคียงข้างผมตลอดไป หากผมทำอะไรผิดพลาด ผมต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ 

            ผมต้องการที่จะให้สังคมอยู่ร่วมกันได้โดยที่ไม่มีความพิการ-ความแตกต่างมาแบ่งกั้น ผมอยากให้บุคคลออทิสติก-คนพิการ-LGBT มีชีวิตและอนาคตที่ดีขึ้น ผมไม่ได้อยากจะเด่นกว่าใคร แต่อยากให้สังคมอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข อาจจะทำให้รำคาญหรือหงุดหงิดบ้าง แต่ผมจะไม่ไปก้าวก่ายหรือแทรกแซงความเป็นส่วนตัวของใครทั้งสิ้น ผมอยากให้เพื่อน ๆ ทุกคนจริงใจกับบุคคลออทิสติกให้มากกว่านี้ อยากให้สังคมเปิดโอกาสให้บุคคลออทิสติกได้เรียน, ทำงาน, พูดคุย,แสดงออกให้มากกว่านี้ สิ่งที่ผมอยากจะบอกคืออยากให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ จริงใจกับผมให้มากกว่านี้ ดูแล เอาใจใส่ มีอะไรขอให้พูดคุยบ้าง อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข รัก เข้าใจ ให้โอกาสผมเถอะครับ 


การใช้ชีวิตที่กรุงเทพ


            ผมได้ย้ายมาอยู่กรุงเทพมา 2 ปีแล้วครับ ผมได้มาทำงานที่มูลนิธิออทิสติกไทย ผมทำงานเกี่ยวกับด้านของไอทีให้กับมูลนิธิ ผมรู้สึกว่าทึ่งกับตนเองว่ามาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง ผมต้องเรียนรู้ชีวิตกรุงเทพในหลาย ๆ อย่าง อาทิ การเดินทางไปไหนมาไหนเอง การออกไปจับจ่ายใช้สอยเอง การอยู่ในสังคมเมือง การรับผิดชอบตัวเอง และอีกมากมายครับ การใช้ชีวิตในกรุงเทพ นอกจากได้ทักษะชีวิตแล้ว ยังได้เจอผู้คนมากมาย ได้เข้าใจถึงสังคมเมือง  ได้ทราบถึงการเข้าสังคม จากเรื่องราวนี้ ก็เจอหลาย ๆ อย่าง ทั้งโควิด ทั้งกิจกรรม ทั้งผู้คนที่มากหน้าหลายตา ทั้งสิ่งแวดล้อม ทั้งเพื่อนใหม่ ทั้งคนที่คุ้นเคย และทำให้ผมเปลี่ยนจากเพื่อนร่วมเรียนเป็นเพื่อนร่วมงานครับ 

        เป็นอย่างไรกันบ้างเกี่ยวกับเรื่องราวของผมที่เป็น Exclusive ในตอนหน้าก็จะเป็นตอนสุดท้ายที่จะจัดเต็มแบบเต็มสูบ ตอนสุดท้ายเนื้อหาจะยาวกว่าตอนนี้นะครับ พบกันกับตอนสุดท้ายในวันอังคารที่ 22 นะครับ สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ



    อัษฎากรณ์ ขันตี

20 พฤศจิกายน 2565

 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ถึงเวลารึยังที่จะมีวิชา การอยู่ร่วมกันในสังคมที่หลากหลาย อยู่ในหลักสูตรขั้นพื้นฐานของทุกระดับชั้นและการทำงาน

ครูจะช่วยเหลือบุคคลออทิสติกได้อย่างไร (ตอนที่ 3)

ทักษะทางสังคมสำหรับบุคคลออทิสติก