เรื่องเล่า และความในใจวันรับปริญญาของผม (ตอนที่ 1)



            เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2565 ผมได้รับปริญญาที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนคนปฐมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมได้ถ่ายรูปกับคนที่หลากหลาย ทั้งเพื่อน ๆ ครอบครัว อีกทั้งผมได้ร่วมทานข้าวแบบยกบ้าน ซึ่งไม่บ่อยครั้งที่จะไปทานแบบครบทีมครับ วันนี้ ผมจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับการซ้อมรับปริญญา และวันรับจริงอย่างพอสังเขปนะครับ 


            วันที่ 1 (29 สิงหาคม 2565) วันนี้เป็นวันแรก ผมจำได้ว่าต้องส่งผล ATK เมื่อส่งผลเสร็จ ก็รอสักพัก แล้วรับบัตรประจำตัวบัณฑิตกับพี่แต รอสักพัก จากนั้นก็เรียงตามหมายเลขบัณฑิต ในการเข้าห้องประชุม rพวกผมได้เข้าห้องประชุมเวลา 8.00 น. ถ้าจำไม่ผิดนะครับ ต่อมาท่านอธิการบดีมาให้โอวาทแก่บัณฑิตทุกคน  และฟังคำชี้แจงในวันรับปริญญาวันแรกครับผม แล้วจากนั้น ก็ปล่อยซ้อมย่อยเวลา 9.30 น.



            ในวันแรก ผมได้แต่ชุดทำงานมาซ้อมรับปริญญา ผมก็ได้ซ้อมย่อยที่อาคารศิลปะ (อาคาร 33) ผมก็ได้ซ้อมกับอาจารย์ที่ออกแนวสบาย ๆ ผมเดินเข้ากับจังหวะไม่ค่อยได้ แต่ผมก็พยายาม ตั้งใจ ต้องทวนซ้ำหลาย ๆ รอบ โชคดีที่ อ.ปลามาบอกผมว่า

 "น้องอัษทำได้อยู่แล้ว"

            ผมก็ฝึกเดินตามจังหวะหลาย ๆ รอม พวกอาจารย์ต้องทวนซ้ำหลายครั้ง วันแรกผมก็ฝึกถึงบ่ายสามโมง ผมจึงเข้าห้องประชุม วันนี้มีคูปองได้ทานข้าว วันนี้จึงได้ทานข้าวฟรี ๆ แบบจุก ๆ เลยครับ เมื่อถึงบ่ายสามโมง เริ่มมีการฝึกซ้อมเสมือนจริง ผมรู้ตัวดีว่าเดินเข้าจังหวะไม่ค่อยได้ ผมจึงขออนุญาตไปอยู่ในกลุ่มพิเศษ ที่จะเข้ารับพระราชทางปริญญาบัตรเป็นกลุ่มสุดท้าย ซึ่งวันแรกผมได้อยู่ในกลุ่มสุดท้ายจริง ๆ ที่รับปริญญา ผมรู้ว่ามีเพียงไม่กี่ครั้งในชีวิตที่ได้รับปริญญา ผมจึงตั้งใจเต็มที่ และทำออกมาให้ดีที่สุด วันนี้เจอท่านอธิการบดีมาทักทาย และหยอกล้อผมด้วยกันตีพุงผมอย่างเป็นกันเองครับ ผมตอบไปเลยว่า ขอบคุณครับ อธิการบดีจึงพูดกับผมว่า "ยินดีด้วย" จึงเป็นการจบวันแรกอย่างน่าประทับใจครับ ตกเย็นผมก็ทานข้าวกังฝน อิง และแฟนฝน จากนั้นผมจึงกลับบ้านครับผม 

            วันที่ 2 (31 สิงหาคม 2565) วันนี้ถือเป็นการซ้อมเสมือนจริงทุกประการ ผมทราบว่าผมจับจังหวะไม่ค่อยได้ เลยมาอยู่ในกลุ่มท้าย ๆ แทน ผมจึงเข้าห้องประชุมเป้นคนท้าย ๆ อีกทั้งผมได้เจอเพื่อน ๆ หลายคนจำผมได้ดี หลายคนบ่นคิดถึงผม หลายคนถามหาผมครับ หลายคนยังจำได้ ทั้งที่ใส่แมสด้วยนะครับ ผมรู้สึกว่าวันนี้ผมเดินได้คล่องขึ้น (สูตร ซ้าย-ขวา-ชิด) แต่ผมรู้ตัวว่าไม่ไหว จึงไปอยู่ในกลุ่มพิเศษ (แต่อย่างน้อยก็ได้รับนะครับ อิอิ) วันนี้ซ้อมไปเบา ๆ 2-3 รอบ พอเสร็จ ผมก็เจอน้องดาว และน้องกิ๊บด้วยนะครับ อิอิ น้องดาวมาแซวผมว่า "เกือบถ่ายพี่อัษแล้วนะคะ อิอิ"  วันนี้ผมทานอาหารที่ร้าน อ.เอก ต่อมา ผมก็ได้มารอที่ห้องพี่แต แล้วป้ามวลก็มารับผมกลับบ้าน เป้นครั้งสุดท้ายที่ป้ามวลมารับมาส่งที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรีครับผม (แต่เชื่อว่าต้องมีโอกาส จะตอนไหนก็เท่านั้น) 





            ในวันที่ 2 ผมเริ่มเดินคล่องขึ้น และต้องตรวจ ATK ก่อนถึงวันซ้อมใหญ่ครับผม 

            วันซ้อมใหญ่ (1 กันยายน 2565) วันนี้ผมมาตั้งแต่ 6 โมงเช้า แม่มาส่ง และแม่ก็มารอผมที่สำนักวิทยบริการครับผม วันนี้ต้องจัดหนักจัดเต็มครับ อิอิ วันนี้เจอเพื่อน ๆ ที่คุ้นหน้า ทั้งฝน อิง แมน กิ๊ก มุก และอีกหลาย ๆ คนครับ วันนี้ตั้งใจซ้อม จัดไปถึง 2-3 รอบ มีแขกผู้ใหญ่มาเยือนคับคั่ง ทั้งผู้ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์ฺ ทั้งเกียรตินิยม และอีกหลาย ๆ คนที่รอถ่ายภาพ ผมก็ตั้งใจซ้อมเป้นอย่างดี และผมเป็นคนที่เข้าซ้อมรับปริญญาเป็นคนสุดท้ายของกลุ่ม A ครับผม ต่อมา มีการถ่ายรูปหมู่ ที่ต้องรอถึง 2 ชั่วโมง เนื่องจากว่าผมจบวุฒิ วท.บ. ครับผม 

            ตกบ่าย ผมก็แวะมาถ่ายรูปรับปริญญาที่คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ผมก็ถ่ายรูปกับเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ แม้ ป้าจุ๊ และผุ้ใหญ่อีกหลายคน พอเสร็จจากคณะไอที ผมก็ได้ถ่ายภาพด้วยกันกับเพื่อนหลายคนครับ จนกลับบ้าน วันนี้แม้ว่าผมจะเจอได้ไม่มากเท่าไร แต่ผมก็ดีใจ และมีความสุขที่ได้เจอครับผม  





            วันรับจริง (3 กันยายน 2565) วันนี้ผมเดินทางออกจากบ้านประมาณตี 3 เพื่อไปรับปริญญา ผมถึงในงานตี 4 กว่า ๆ ตอนแรก ผมได้ถ่ายรูปที่หน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ต่อมา ผมก็ทานข้าว และได้ถ่ายรูปกับครอบครัว และวันนี้ได้ถ่ายกับ อ.พจนารถ และ อ.กาญจนา ก่อนที่จะเข้าตรวจ ATK ครับผม แล้วเมื่อตรวจ ATK ก็ได้เจอกับนีน เพื่อนของผม ก่อนที่จะแยกย้ายซ้อมรับปริญญา ผมได้มารอตรงโดมในร่ม มีพัดลม เก้าอี้นั่ง และเบรกขนม พร้อมทั้งเปิดเพลงของมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรีครับ     

            ต่อมาเวลา 9.30 น. ผมได้เข้าไปในพีธีรับปริญญา ผมมารอที่โดมด้านข้างห้องประชุม โดมนี้จะเป็นที่ปรับอากาศ มีห้องน้ำ มีน้ำดื่ม ผมมารอถึงประมาณ 12.00 น. ผมจึงเข้ารับพราชทานปริญญาบัตรกับสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ พิธีเสร็จประมาณบ่ายโมง พี่แตจึงถ่ายรูปหมู่บัณฑิต DSS ก่อนที่ผมจะเจอน้องดาว ผมก็บอกกับน้องดาวว่า "มีอะไรก็คุยได้เสมอนะครับ" ต่อมา ผมก็ได้ถ่ายรูปกับครอบครัว ทั้งพ่อ ลุงโอ อาตา อาเอก เอิร์ธ มากันครบทีมเลยล่ะครับ และได้มาถ่ายรูปที่หน้าตึกสำนักวิทยบริการ ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐมด้วยนะครับ ก่อนที่พี่ใหม่ ฝนจะโทรมา ให้ไปถ่ายรูปร่วมกัน ต่อมา ผมก็ถ่ายรูปกับพี่ใหม่ ฝน พี่ต้น อย่างอบอุ่น ก่อนที่จะเดินทางกลับบ้าน 





             ผมกลับบ้านกับพ่อ น้าตั้ว น้องอัยย์ ในบรรยากาศที่รถติดสุด ๆ ผมจำได้ว่าหลับตลอด เพราะคืนก่อนหน้านั้นไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลยจ้า...อิอิ พอถึงบ้าน ผมก็ถ่ายรูปกับปู่ ย่า ปู่หยด ย่าเพ็ญ อาตี่ อาต้อง ป้ามวล และอาไผ่ ครบทั้งบ้านเลยล่ะครับ แล้วผมก็เปลี่ยนชุด เพื่อไปทานข้าวด้วยกัน ที่ร้านอาหารในเขาหลวง เพชรบุรี มีไฮไลท์ที่พีคมาก ๆ คือ

"ได้ทานข้าวร่วมกันครับ"

                ทุกคนต่างมีความสุข และยินดี ผมได้รับของขวัญอย่างมากมาย ทั้งเสื้อ เงินสด และอื่น ๆ ครับ ผมขอบคุณทุก ๆ คน ที่ดูแล ช่วยเหลือผม จนทำให้ผมมีทุกวันนี้ ขอบคุณทุก ๆ คน ที่ร่วมฝ่าฟันกันมา จนมาอยู่ที่ตรงนี้ นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า




"จบช้ากว่าเพื่อน..แต่รับพร้อมเพื่อน นั้นมีจริง"

"ไม่ว่าอย่างไร สุดท้าย "ครอบครัว" คือคนที่อยู่เคียงข้างเรามากที่สุด"

            มิใช่แค่นั้น ผมได้สร้างความภาคภูมิใจ ว่า ถึงตนเองช้าหน่อย แต่ก็เรียนจบ รับปริญญาพร้อมเพื่อนได้ และเป็นต้นแบบ แก่เยาวชน และสังคมตลอดไปครับ ขอบคุณทุก ๆ คน หวังว่าบทความนี้จะเป็นแรงบันดาลใจแก่ทุกคนตลอดไป สวัสดีครับ


              ติดตามในตอนที่ 2 เสาร์ที่ 22 ตุลาคม นะครับ



อัษฎากรณ์ ขันตี

15 ตุลาคม 2565


 




ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ถึงเวลารึยังที่จะมีวิชา การอยู่ร่วมกันในสังคมที่หลากหลาย อยู่ในหลักสูตรขั้นพื้นฐานของทุกระดับชั้นและการทำงาน

ครูจะช่วยเหลือบุคคลออทิสติกได้อย่างไร (ตอนที่ 3)

ทักษะทางสังคมสำหรับบุคคลออทิสติก