ค่ายเยาวชน ในปี 2565
อัษฎากรณ์ ขันตี
หากจะพูดถึง "ค่ายเยาวชน" เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงจะผ่านกิจกรรมนี้มาแล้ว ทั้งการเป็นผู้ร่วมกิจกรรม วิทยากร พี่เลี้ยง เป็นต้น แต่น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้ทำกิจกรรมนี้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 แต่เมื่อสถานการณ์โควิดดีขึ้น ทางมูลนิธิออทิสติกไทยจึงจัด "ค่ายเยาวชนออทิสติกไทย" หลังจากที่ไม่ได้จัดงานตั้งแต่ปี 2563 นั่นเอง การเข้าค่ายเยาวชนครั้งนี้จึงเป็นโอกาสที่ทำให้ทุกคนได้กลับไปค่ายอีกครั้ง แล้วทำไมถึงต้องมีค่ายนี้ล่ะ เพราะการเข้าค่ายได้ฝึกฝนหลาย ๆ อย่าง อาทิ เป็นการฝึกการทำกิจกรรม การทำงานเป็นทีม การอยู่ร่วมกันในสังคม การมีเพื่อน การดำรงชีวิต และการเข้าค่ายยังมีโอกาสในการแสดงออกต่าง ๆ ทั้งการร้องเพลง การแสดง การเต้นรำ เป็นต้น
วันที่ 25 ผมได้เดินทางไปที่ชลพฤกษ์ รีสอร์ท ผมออกจากมูลนิธิประมาณ 6.15 น. แล้วมาถึงที่ชลพฤกษ์ รีสอร์ท เวลา 8.45 น. ต่อมา แม่ก้องเรียกให้ผมมาถ่ายสำเนาบัตรประชาชน และบัตรคนพิการ ตอนแรก ๆ ผมก็ทำไม่เป็นนะครับ แต่จากการที่ครูพวงมาสอนผมในการถ่ายสำเนา ผมก็ค่อย ๆ ลงมือทำ สุดท้ายผมก็ทำได้ในที่สุด ต่อมา อ.ชูศักดิ์ก็ได้เปิดงานกิจกรรม และเล่าเรื่องถึงเหตุการณ์สำคัญ ๆ ของบุคคลออทิสติก อาทิ การจ้างงาน การทำงาน การทำกิจกรรม เป็นต้น ต่อมาพี่ ๆ ทีมงานก็ได้พาทำกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งการจับมือ การเต้นประกอบท่าทาง การใช้ความสามัคคี ตกบ่ายก็มีกิจกรรมกลุ่ม ผมอยู่ในกลุ่มสีฟ้า มีชื่อกลุ่มว่า "กระทิง" ผมได้เรียนรู้กิจกรรมต่าง ๆ ที่หลากหลาย ทั้งการใช้ไหวพริบ การแก้ปัญหา การใช้ความสามัคคี วันแรกมีกิจกรรมคือการฝึกการทำงานเป็นทีม การคิดการแสดง สุดท้าย การแสดงในวันที่ 26 คือ รำวง
ในวันที่ 26 มีกิจกรรมที่หลากหลายให้ทำ อาทิ ตอนเช้ามี 5 ฐาน ดังนี้
ฐานที่ 1 ระเบิดเวลา กิจกรรมนี้เป็นการฝึกการใช้ไหวพริบ การจดจำ และการทรงตัว หากบอกว่า ระเบิด ให้หลบทันที ตื่นเต้นมาก ๆ ครับ
ฐานที่ 2 ต่อถ้วยกระดาษ กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่ต้องใช้ความสามัคคี ในการที่จะนำถ้วยกระดาษ เป็นหอคอย
ฐานที่ 3 วาดภาพจังหวัด กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่ฝึกเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ การวาดภาพ การเขียนคำขวัญ โดยมีการจำกัดเวลา
ฐานที่ 4 หาลูกบอล กิจกรรมนี้เป้นการฝึกคิดเลข ว่าเก้บลูกบอลได้กี่ลูกแล้ว อีกทั้งยังต้องใช้ความสามัคคี อย่าแตกออกจากกัน
ฐานที่ 5 ต่อสิ่งของตามรูป กิจกรรมนี้เป็นการชิงไหวพริบ จากการที่ต้องต่อเลโก้ตามแบบ ฝึกเรื่องความคิดสร้างสรรค์ และไหวพริบไปพร้อม ๆ กัน
ตกบ่ายผมก็ได้ทำกิจกรรม 2 อย่าง อย่างแรกคือการประดิษฐ์สัตว์จากวัสดุเหลือใช้ กิจกรรมนี้กลุ่มผมได้ทำเป็นรูปตัวนกนะครับ เนื่องจากได้ตัวอักษร น.หนู ไป ครับผม และการต่อฐานจากตะเกียบไม้ กิจกรรมนี้ค่อนข้างจะท้าทาย การทดสอบต้องใช้มือถือวางซ้อน ๆ กันหลายเครื่อง ตกเย็นก็ทานข้าว ซ้อมการแสดง และแสดงละครเรื่อง "รำวง" และผมก็ร่วมกิจกรรมเต้น แล้วนอนพัก เป็นอันจบวันครับ
วันที่ 3 ผมก็ได้เก็บของออกจากโรงแรม และทานข้าวเช้า กิจกรรมตอนเช้านี้มีอยู่ทั้งหมด 2 กิจกรรมนะครับ กิจกรรมที่ 1 กิจกรรมแต่งชุดแฟนซี กิจกรรมนี้เป็นการระดมความคิด ว่าจะทำอย่างไรให้ชุดนั้นสวย ปังที่สุด กิจกรรมที่ 2 การสร้างสะพานจากวัสดุเหลือใช้ กิจกรรมนี้เป็นการฝึกการคิดแบบวิศวกรรมผ่านการทำกิจกรรม กิจกรรมนี้ต้องใช้ความคิด และความสามัคคีเป็นอย่างยิ่งครับ
ต่อมา ผมก็แจงของรางวัล ผมได้ขนมจากแม่ออกัสไป 2 ถุงครับ ขอบคุณแม่ออกัสมาก ๆ ครับ แล้วผมก็ทานข้าวเที่ยง ก่อนจะกลับศูนย์เวลา 13.15 น. ระหว่างทางที่กลับ บางคนก็นั่งคุยกันชิล ๆ บางคนก็ฟังเพลง บางคนก็นั่งหลับ บางคนก็ดูโทรศัพท์ คุยแชทกันยาว ๆ จ้า ผมถึงที่หอประมาณ 15.45 น. ครับ แล้วก็สลบตามเคยจ้า ..
กิจกรรมการเข้าค่ายผมได้สิ่งต่าง ๆ มาดังนี้
1.เรื่องของการทำงาน ผมได้ฝึกในเรื่องของการถ่ายภาพ ดูแลน้อง ๆ ช่วยทำกิจกรรม และนำสิ่งที่ได้มาเป็นบทความ ที่สำคัญ คือได้เทคนิคถ่ายเอกสารหน้า-หลัง โดยที่ครูพวงสอนให้ครับผม ขอบคุณครูพวกมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
2.เรื่องของการฝึกสมาธิ มีกิจกรรมหลาย ๆ กิจกรรมที่ต้องใช้สมาธิ อาทิ ต่อหอคอยจากถ้วยกระดาษ ผมได้ร่วมกลุ่มกันช่วยต่อหอคอย จนกิจกรรมผ่านได้ด้วยดี อีกเรื่องคือการถ่ายภาพ เพราะต้องใช้สมาธิในการบันทึกภาพ และหามุมที่สวย ๆ ในการถ่ายภาพครับ
3.การมีเพื่อนใหม่ ๆ เนื่องจากการไปค่ายได้เจอเพื่อน ๆ และได้เจอคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันครับ หลังจากไม่ได้เจอ เนื่องจากสถานการณ์โควิดครับผม
4.ฝึกทักษะทางสังคม การเข้าค่ายได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ที่จำเป็นในการเข้าสังคม อาทิ การพูดคุย การทักทาย การขอบคุณ/ขอโทษ กามีระเบียบวินัย การรู้จััการรอ เป็นต้น
5.ฝึกการทำงานเป็นทีม การเข้าค่ายนอกจากจะได้เพื่อนใหม่แล้ว ยังได้รู้จักการทำงานเป็นทีมด้วย อย่าลืมว่าการที่จะทำอะไรให้สำเร็จนั้น ต้องอาศัยทีมเวิร์ค และมีความคิดที่หลากหลายดุจดังสายรุ้งครับผม ผมชอบทำอะไรเป็นทีม อย่างน้อยถึงจะช่วยอะไรได้ไม่มาก ก็ยังร่วมกันคิด และแก้ปัญหาได้ครับผม ในหนังสือ Designing Your Life กล่าวไว้ว่า
"อัจฉริยภาพที่แท้จริงอยู่ในกระบวนการทำงานร่วมกัน เราออกแบบชีวิตโดยร่วมมือและสานสัมพันธ์กับผู้อื่น เพราะคำว่า "เรา" แข็งแกร่งกว่า "ฉัน" เสมอ เรื่องง่าย ๆ ก็แค่นี้เอง"
การทำงานเป็นทีมอย่างน้อยก็ได้เพื่อน ได้พูดคุย ได้ปรับสารทุกข์สุขดิบ นี่คือประโยชน์ของคำว่า "ทีมเวิร์ค" ที่แท้จริงครับ
เป็นอย่างไรบ้างครับสำหรับการไปค่ายของผม สนุกเลยใช่ไหมครับ ไม่ใช่แค่สนุกอย่างเดียวนะครับ ยังได้ทักษะที่จำเป็นในการดำรงชีวิต ทั้งทักษะสังคม ทักษะการพูดคุย ทักษะการแก้ปัญหาครับผม ทุกคนครับ บุคคลออทิสติก..สามารถพัฒนาได้ บุคคลออทิสติก..สามารถอยู่ในสังคมได้ บุคคลออทิสติก..สามารถอยู่กับผู้อื่นได้ ขอแค่รัก เข้าใจ ให้โอกาสครับผม
ผู้ปกครองและบุคคลที่เกี่ยวข้องครับ อย่าให้บุคคลออทิสติกอยู่แต่ในห้อง ควรหากิจกรรมให้ทำ และให้พวกเขาออกไปสู้โลกกว้างบ้าง อย่างน้อย เด็ก ๆก็จะเข้าใจถึงทักษะสังคม ทักษะการพูด ทักษะการดำรงชีวิต ขอฝากทุก ๆ คนมาในโอกาสนี้ สำหรับวันนี้ ผมต้องขอลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ สวัสดีครับ
(ขออนุญาตทุก ๆ คนนะครับ ที่ใช้รูปในการประกอบบทความ และขอขอบคุณรูปภาพบางส่วนจากเฟซบุ๊ก : Autistic Thai Foundation มูลนิธิออทิสติกไทย และกล้องจากพี่แจ็คครับ)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น