สวัสดีปีใหม่ 2564
สวัสดีปีใหม่ 2564
อัษฎากรณ์ ขันตี
สวัสดีปีใหม่ 2564
ปี พ.ศ.2564 เริ่มต้นปีอย่างหนักหน่วง จากการระบาดอีกรอบของสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งมีผู้ติดเชื้อหลักร้อยคนในแต่ละวัน ส่งผลกระทบแทบจะทุกด้าน ทั้งการดำรงชีวิต การประกอบอาชีพ การเข้าหาสมาคม การเรียนรู้ในห้องเรียน และที่สำคัญคือปากท้องของประชาชน
ปี พ.ศ.2564 ของผมนั้นคือปีที่ต่อยอดจากปี พ.ศ.2563 ถ้าจะถามว่าต่อยอดยังไง 1) เป็นการต่อยอดการทำงาน เพื่อปรับตัวและเข้ากับการทำงานได้ดีขึ้น เนื่องจากว่าสองเดือนที่ผ่านมานั้น ยังปรับตัวได้ไม่ค่อยดีเท่าไร ซึ่งเป็นเรื่องปกติของคนทำงานใหม่ ๆ 2) เป็นปีที่จุดมุ่งหมายของผมนั้น เริ่มจะลงตัวมากขึ้น เพราะปีที่แล้วเป็นปีแห่งการเปลี่ยนผ่านจากวัยเรียนสู่วัยทำงาน เพื่อนร่วมเรียนสู่เพื่อนร่วมงาน จากสังคมการเรียนสู่สังคมคนทำงาน หลายๆอย่างจึงเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จึงยังไม่ค่อยลงตัวนัก แต่ปีนี้ ทุกอย่างเริ่มจะเข้าที่เข้าทางมากกว่าปีที่แล้ว ผมได้เจอสิ่งที่ชอบ และได้อยู่กับมันอย่างมีความสุขขึ้น จากการที่ระเหเร่ร่อนมาหลายปี ต้องขอบคุณที่นี่ครับ...มูลนิธิออทิสติกไทย 3) เป็นปีที่มีความฝันและจุดมุ่งหมายที่เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ผมดีใจที่จบการศึกษา และมีงานทำที่มูลนิธิออทิสติกไทย ผมมีความฝันที่จะเป็นรีวิวเวอร์/นักเขียน/โปรแกรมเมอร์สายออทิสติก ผมพยายามที่จะค้นหามาตลอด แต่เพราะมีเพื่อนๆครูในมูลนิธิที่ดุแลกันเป็นอย่างดี ทำให้จุดหมายของผมนั้นชัดเจนและเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น 4) เป็นปีแรกที่อยู่กรุงเทพ ผมได้เรียนรู้สังคมในกรุงเทพ การใช้ชีวิต กิจกรรม และความเป็นอยู่ ผมจึงสามารถนอนหอคนเดียวได้ หลายๆคนชมผมว่าเก่งมากๆ แต่อีกหลายๆคนเป็นห่วงผมเช่นกันครับ โดยเฉพาะคนในครอบครัว
สำหรับสังคมของผมในปี พ.ศ.2564 นั้น เนื่องจากการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้เรื่องนี้ต้องหยุดชะงักไปสักพัก แต่ผมมีความเชื่อว่า ผมสามารถอยู่กับสังคมได้อย่างมั่นคง เข้าใจกัน และมีความสุข ผมเข้าใจว่าคนส่วนใหญ่ที่มีปัญหาในเรื่องนี้เพราะ 1) ไม่รู้จะไปคุยเรื่องอะไร ซึ่งต้องใช้ความคุ้นเคยกันอยู่แล้ว ยิ่งไปคุยในสิ่งที่ไม่ถนัดนี่จบเลย และถ้าจะไปคุย ถ้าให้ดีต้องมีบัดดี้ และล่ามในการทำความเข้าใจให้แก่กันครับ 2) พฤติกรรมบางอย่างที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งต้องใช้เวลาทำความเข้าใจ และต้องค่อย ๆ พูด ค่อย ๆ คุย ค่อย ๆ ปรับ อย่าลืมว่าสมองยังพัฒนาได้ไม่ค่อยเต็มที่เท่าไร จึงต้องค่อย ๆ ปรับครับ 3) มีภาระอย่างอื่น เลยดูแลได้ไม่เต็มที่ ทุกคนต้องทำงาน หาเช้ากินค่ำ ต้องดูว่าจะรอดไหม ในแต่ละเดือน อีกส่วนหนึ่งเรียนหนัก สอบหนัก เลยให้เวลาได้ไม่ค่อยเต็มที่นัก 4) เรื่องแฟนและปัญหาส่วนตัว ทุกคนต้องการความรัก หลาย ๆ คนจึงให้เวลากับแฟน การที่จะมาดูแลคนเหล่านี้จึงทำได้ไม่เต็มที่เท่าไรนัก เพราะต้องคำนึงถึงแฟน ว่าถ้าไปดูแลคนเหล่านี้เขาจะโอเคไหม จะรับได้ไหมถ้าคนที่ดูแลเป็นแบบนี้ อีกอย่างหลาย ๆ คนมีปัญหาส่วนตัว จนละเลยในการดูแลคนพวกนี้ ซึ่งต้องใช้เวลาทำความเข้าใจ 5) ความถนัดที่ไม่ตรงกัน อย่าลืมว่าคนเหล่านี้แทบทั้งหมดจะสนใจแต่เรื่องของตนเอง ยิ่งไปคุยในสิ่งที่ไม่ถนัดก็อาจจะคุยกันได้ไม่คล่องตัว ดังนั้นจึงต้องมีล่าม ในการพุดคุย แลกเปลี่ยน และทำความเข้าใจกัน 6) ไม่รู้จะเข้าหายังไง หรือจะอยู่กับเขาได้อย่างไร จึงต้องมีคนอธิบายให้เข้าใจ หรือคุยกันให้เข้าใจกันก่อน เพราะต้องอาศัยความเข้าใจ เวลา และความอดทน และการใช้วิธีนี้ทำให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ดี
จากเหตุผลดังกล่าวนั้น เหมือนกับกระจกใส ๆ ที่ยังกั้นในความรู้สึก ผมเชื่อว่า กระจกใส ๆ นั้น สามารถทลายได้ ขอแค่รัก เปิดใจ เข้าใจ และเรียนรู้ไปด้วยกันครับ ที่สำคัญคือต้องให้เวลากับคนเหล่านี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และต้องมองว่าเขาคือเพื่อนคนหนึ่ง มิตรคนหนึ่ง เพียงแต่ยังมีความต้องการจำเป็นบางอย่าง แต่อีกหลายอย่างพวกเขาจะทำได้ดี ขอเป็นกำลังใจให้คนในสังคมสามารถอยู่ร่วมกับบุคคลออทิสติกได้ครับ
ส่วนปี 2564 ที่ผมตั้งใจนั้น ผมจะทำงานให้ดีที่สุด ประกอบอาชีพได้อย่างมีความสุข เป็นนักเขียน/รีวิวเวอร์/โปรแกรมเมอร์สายออทิสติก และผมขอเป็นพลังใจพิเศษ..จากคนพิเศษชื่อ "อัษฎากรณ์" ตลอดไป ผมขออวยพรปีใหม่ ขอให้ทุกคนมีความสุข สุขภาพแข็งแรง เจอแต่สิ่งดี ๆ เฮง ๆ ร่ำรวย และขอให้ทุกคนผ่านพ้นอุปสรรคและโรงโควิด-19 ขอให้เดินทางปลอดภัย และคิดสิ่งใดก็ขอให้สมหวังนะครับ สวัสดีปีใหม่ครับ
อัษฎากรณ์ ขันตี
3 มกราคม 2564
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น